19.9.53

7 ความกลัว ของเด็กเตรียมตัวไปนอก

  1. กลัว Homesick - เป็นความกลัวที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจได้มากที่สุด เพราะกลัวโฮมซิกนั่นก็คือการคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่พี่น้อง คิดถึงเพื่อนๆ โดยเฉพาะถ้าใครไปอยู่เมืองเงียบๆ อากาศหนาวๆ แล้ว อาการโฮมซิกจะยิ่งเพิ่มทวีคูณมากเลยทีเดียวล่ะค่ะ
  2. กลัวเรียนไม่รู้เรื่อง - แน่นอนว่าไปเรียนถึงเมืองนอก ก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ ที่เหมือนเป็นสิ่งแปลก(ประหลาด)ใหม่สำหรับน้องๆ เรียนเป็นภาษาไทยว่ายากแล้ว นี่ต้องมาเรียนภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาที่คุ้นเคย แถมยังมีศัพท์เฉพาะทางหรือศัพท์วิชาการรวมอยู่ด้วย ยิ่งเพิ่มความยากเข้าไปอีก เลยทำให้น้องๆ หลายคนท้อใจหวาดกลัวว่าจะเรียนไหวมั้ย
  3. กลัวไม่มีเพื่อนไม่รู้ว่าจะเข้าหาเค้ายังไง ไม่รู้ว่าคบไปแล้วจะสนิทใจมั้ย จะไว้ใจได้หรือเปล่า เพราะต่างชาติต่างภาษา จะคุยกันเข้าใจอย่างจริงใจเหมือนเพื่อนที่ไทยรึเปล่านะ
  4. กลัวปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่ไม่ได้เช่น ไม่กล้าไปไหนไกลเพราะกลัวหลงทางหรือกลัวสื่อสารไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียวเพราะกลัวโจรขึ้นห้อง กลัวกินอาหารอะไรไม่ค่อยได้เพราะไม่ชิน กลัวอากาศหนาวแล้วจะไม่สบาย
  5. กลัวอ้วนขึ้น - อันนี้มักจะเป็นปัญหาของน้องผู้หญิง เพราะตามสถิติแล้วคนที่ไปต่างประเทศนานๆ มักจะกลับมาไทยพร้อมกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 7-10 กิโลหรืออาจจะมากกว่านั้น เพราะอาหารหลักก็หนีไม่พ้นพวกแป้ง เนย ชีส ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งเพาะไขมันชั้นดีทั้งนั้น
  6. กลัวเงินไม่พอใช้ - ค่าครองชีพในเมืองนอกสู๊งสูงจนหยุดไม่อยู่ เช่น ข้าวที่ไทยจานละ 30 บาท แต่ที่เมืองนอกอย่างต่ำก็ทะลุ 100 บาทแล้ว เงินจะพอใช้มั้ยเนี่ย แล้วถ้าขอคุณพ่อคุณแม่เพิ่ม เค้าจะให้มั้ยนะ ??? แล้วจะเหลือเงินให้ช้อปปิ้งบ้างมั้ย ??? ว่ากันไปโน่น
  7. กลัวแฟนนอกใจ - เป็นปัญหาใหญ่ของคนที่มีแฟนแล้ว อยู่ไกลกันขนาดนี้ เค้าจะมีแฟนใหม่มั้ย จะนอกใจเรารึเปล่า เค้าจะลืมเรามั้ย … ก็ว่ากันไปสารพัด แต่ถ้าพูดกันตรงๆ เลยล่ะก็ กว่าครึ่งจบด้วยการเลิกกันค่ะ T^T สามวันจากนารีและชาตรีเป็นอื่นก็งี้ล่ะ

17.9.53

--วิตามินซี ช่วยป้องกัน มะเร็ง กระเพาะอาหาร--

มะเร็งกระเพาะอาหาร คือมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 4 ของมะเร็งทั้งหมด และเป็นมะเร็งที่เป็นสาเหตุการตายอันดับสอง ของมะเร็งที่พบทั่วโลก การวิจัยจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐฯ และสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติของประเทศฟินแลนด์ ประเมินความสัมพันธ์ระหว่าง การรับประทานผักและผลไม้ กับความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ของผู้ชายที่สูบบุหรี่จำนวน 29,000 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 50-69 ปี พบว่าการกินผลไม้และวิตามินซีนั้น ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ว่าได้ถึง 45% และผลการศึกษาอื่นๆได้แสดงให้เห็นว่า คนที่เป็นมะเร็งนั้นมีปริมาณวิตามินซีในเลือดต่ำ และพบว่าอาหารที่มีรสชาติเค็มนั้นจะมีวิตามินซีน้อย และทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วย แถม สารประกอบไลโคพีนที่มีอยู่ในผลไม้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยและลดความเสี่ยง ในการเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร 34%

---วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณ รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า มากกว่าการอยู่ไปวันๆ---

หากคุณรู้สึกว่าครอบครัวสำคัญที่สุด แล้วคุณใช้เวลาอยู่กับครอบครัว มากน้อยเพียงพอแล้วหรือยัง ในแต่ละวัน
หากคุณใฝ่ฝันว่า ชีวิตนี้อยากเดินทางท่องเที่ยวไปเห็นโลกกว้าง ก็เริ่มต้นออมเงิน แล้วลองหาจังหวะดีๆ วางแผนลาหยุดไปเที่ยวสักที
หากอยากก้าวไปนั่งตำแหน่งผู้จัดการแผนก ก็ลองขอโอกาสรับผิดชอบ โครงการใดสักชิ้น ที่จะทำให้หัวหน้างานคุณ มองเห็นความสามารถในตัวคุณบ้าง เป็นต้น



(นิตยสาร Health Today)

----[-ความรักคืออะไร … คนที่กล้าหาญเท่านั้นที่จะรู้ว่า “ความรัก” คืออะไร---

ความรักจะเป็นแรงผลัก ให้สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับโลก
ความรักจะสอนให้รู้จักความอดทนและเสียสละ
จะสอนให้รู้ซึ้งกับการมีชีวิตอย่างมีค่ายิ่งกว่าบทเรียนใดๆ
ความรักจะบอกว่า การอยู่เพี่อรักใครสักคนนั้น…

---เกร็ดความรู้ ประโยชน์จากงาขาวและงาดำ----

งาดำและงาขาวมีฤทธิ์เป็นกลาง รสหวาน ส่วนน้ำมันงามีฤทธิ์เย็น แก้อาการท้องผูก ทำให้ลำไส้ชุ่มชื้น ลดกรดในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบของทางเดินอาหารและกระเพาะปัสสาวะ บำรุงตับและไต
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
รักษาอาการเคล็ดขัดยอก บำรุงรากผมและผิว ช่วยให้หลับได้ดี
รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกและแผลเปื่อยติดเชื้อ

----เกร็ดน่ารู้ วิธีล้างพิษอาหาร ก่อนกิน----

ปลอดภัยด้วยสูตรขนมปัง ใช้โซดาทำขนมปัง (โซเดียมไบคาร์บอเนต) 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่น 20 ลิตร (1 กาละมัง) แช่ผัก ทิ้งไว้ 15 ก่อนนำมาปรุงอาหาร
ลดสารพิษฆ่าแมลง 60-84% ใช้น้ำส้มสายชู 0.5% หรือน้ำส้มสายชู อสร. 1 ขวดผสมน้ำ 4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 15 นาที
ลดสารพิษฆ่าแมลง 54-63% เด็ดผักเป็นใบๆ ใส่ตะกร้าโปร่ง เปิดน้ำไหลแรงพอประมาณ ใช้มือช่วยคลี่ใบผัก ล้างนาน 2 นาที
ลดสารพิษฆ่าแมลง 7-33% ล้างผักรอบแรกให้สะอาด เด็ดผักออกเป็นใบๆ แช่ในอ่างน้ำนาน 15 นาที
ลดสารพิษ 50% ลวกผักด้วยน้ำร้อน ส่วนการต้มนั้นลดสารพิษได้ 50% เช่นเดียวกัน แต่จะมีสารพิษตกค้างในน้ำแกง จึงควรล้างผักลดสารพิษก่อนทำแกง
เสียปริมาณดีกว่าเสียใจ ผักที่มีกาบใบห่อหุ้มเป็นชั้นๆ เช่น กะหล่ำปลี หัวหอมใหญ่ ควรปอกเปลือกหรือลอกใบชั้นนอกออกจะสามารถช่วยลดสารพิษลงได้
ฆ่าเชื้อด้วยคลอรีน ผสมผงปูนคลอรีน 1/2 ช้อนชากับน้ำ 20 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 15-30 นาทีจะฆ่าเชื้อโรคได้ดีมาก
ล้างผักด้วยน้ำยาล้างจาน ใช้น้ำยาล้างจานกับฟองน้ำ (หรือสก็อตไบรต์) ถูเบาๆ ช่วยลดโอกาสติดเชื้อที่อยู่บริเวณผิวของผลไม้ได้ วิธีนี้ยังเหมาะสำหรับล้างไข่ด้วย
ล้างนอกล้างใน ผลไม้ที่กินทั้งเปลือกได้ เช่น มะเฟือง สตรอเบอร์รี่ ฝรั่ง ควรล้างหลายๆ ครั้ง ใช้แปรงขนอ่อนถูเบาๆ ให้ทั่วแล้วล้างน้ำเกลือหรือน้ำสุก ส่วนผลไม้ที่ต้องปอกเปลือกก่อนจึงกินได้ เช่น มะม่วง มะละกอ สับปะรด ควรนำมาล้างก่อน จึงค่อยปอกเปลือก เพราะถ้าไม่นำมาล้างก่อน สิ่งสกปรกบนผลไม้จะติดไปกับมือหรือมีดขณะปอกผลไม้ได้ ทำให้เนื้อผลไม้สกปรก
ยาสีฟันสารพัดประโยชน์ องุ่นปกติมักจะมีคราบเหมือนยางเป็นฝ้าขาวๆ ล้างยังไงก็ไม่ออก วิธีล้างให้เด็ดผลองุ่น ออกจากพวงใส่ภาชนะบีบยาสีฟัน (อะไรก็ได้) พอสมควร ขยี้ให้ทั่วมือ ใส่น้ำพอสมควร แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าจนสะเด็ดน้ำ

---เรื่องน่าอ่าน วิธี… ขจัดความฟุ่มเฟือย----

หลีกไกลอารมณ์อยากซื้อ ใน ที่นี้หมายถึงการเดินช้อปปิ้งทุกประเภท เพราะการขายของไม่ว่าให้ห้างสรรพสินค้า หรือตลาดนัดก็ตามล้วนมีการตกแต่งร้าน ทำการตลาดลดราคาให้ดูน่าซื้อหามาเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนจะมีของ Sale ล่อตาล่อใจ ให้สาวๆ ล่องลอยเข้าไปในร้านสู่โลกแห่งความฝัน และคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นคุ้มค่าเพราะราคาถูกกว่าครึ่ง โดยที่ไม่ได้นึกถึงเลยว่าเราไม่ได้ต้องการมันสักนิด หรือไม่มันก็ยังไม่จำเป็น เพราะว่าสาวๆ กำลังติดอยู่ในอารมณ์อยากซื้อนั่นเอง ดังนั้นหนทางแก้อยู่ที่การกลับไปนอนคิดที่บ้านก่อน สักพักอารมณ์อยากตรงนั้นก็จะหายไปเอง
ใช้เวลาช้อปปิ้งมาทำงาน เอา เวลาที่คุณไปช้อปปิ้งทำงานที่ค้างไว้ หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับการงานใหม่ๆ เพราะว่าเวลาที่คุณมีอยู่สามารถสร้างเงินได้แทนการออกไปฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ยิ่งทำงานยิ่งเพิ่มเงินเยอะขึ้น ตำแหน่งหน้าที่มีการเติบโต บางทีอาจจะมีโบนัสปลายปีคอยอยู่ หากยังรู้สึกอยากจะดูของอยู่ ให้ใช้วิธีเลือกของเก่าเอามามิกซ์แอนด์แมตช์ ไว้เป็นกิจกรรมคลายเหงาของสาวชอบแต่งตัวแทน
คิดการใหญ่ไม่ฟุ่มเฟือย การ คิดการใหญ่เป็นสิ่งที่ดี เพราะหมายถึงคุณจะต้องมีวินัยในการสะสมเงินให้ได้จำนวนมากพอสมควร เพื่อเก็บไว้ซื้อของที่อยากได้จริงๆ ไม่ใช่ของกระจุกกระจิกราคาถูกที่ใช้ 3 ทีก็เจ๊ง ลองเก็บตังค์ซื้อกระเป๋าหรือรองเท้าแบรนด์เนมดูสิ เพราะของพวกนี้ใช้ทนใช้นาน ดูแล้วคุ้มค่ากว่าการซื้อบ่อยๆ แต่ของไม่มีคุณภาพกว่ากันเยอะ
ไม่พกเงินและบัตรเต็มกระเป๋า วิธี ไม่พกเงินเยอะๆ จะทำให้คุณจำกัดการใช้จ่ายได้อย่างดี รวมทั้งงดใช้เงินอนาคตของบัตรเครดิต แม้ว่าจะมีแต้มสะสมล่อตาล่อใจเท่าไรก็ตาม พกเพียงแค่ 1-2 ใบ ไว้ยามฉุกเฉินก็พอแล้ว

---เรื่องน่ารู้ วิธีที่จะทำให้ลืม คนที่อยากลืม ได้ง่ายๆ---

นึกว่าเหตุที่เราต้องลืมเขาเพราะอะไร คงไม่ใช่ส่วนดีของเขาแน่ๆ
หลังจากนั้นให้พยายามย้ำความคิดนั้น เพื่อจะไม่ให้เกิดความ อาวรณ์เขามากไป
พยามหลีกเลี่ยงการเจอเขาแบบตัวต่อตัว เพราะเกิดเขาเผลอมาทำดีกะเรา เราจะยิ่งเขว แต่ถ้าเขามากะแฟน จะดีมาก (แบบว่าช้ำสุดๆม้วนเดียวจบ)
หลีกเลี่ยงไปซ้ำที่เดิมๆ ที่เคยไปกะเขา
หากิจกรรมที่ต่างจากเมื่อคบเขา เช่น แต่ก่อนเขาและเราชอบฟังเพลง ป๊อบ ให้เปลี่ยนใหม่ มาฟังเพลงร้อคแทน (เอาให้โลกแตกไปเลย)
อย่าทำให้ตัวเองว่าง เกาะเพื่อนๆ เข้าไว้ มันจะเป็นช่วงหนึ่งแหละ หลังจากนั้น จะสามารถอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องห่วง
ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น ลงเรียนต่อ ไปเรียนทำขนม ไปเรียนร้องเพลง ฯลฯ (มีโอกาสเจอเพื่อนๆใหม่ด้วย)
อย่านั่งมองท้องฟ้าตอนเย็นๆ เพราะมันจะเหงามาก เคยมีคนศึกษาพบว่าบรรยากาศตอนเย็นคนอยากฆ่าตัวตายมากที่สุด
อย่านั่งมองฝนตก เหมือนถ่ายมิวสิกวีดีโอ มันจะยิ่งอยากร้องไห้แล้วถ้าร้องไห้ไม่มีคนมาเช็ดน้ำตาหรอกเพราะคุณไม่ใช่นางเอกน่ะสิ
อย่าหาเรื่องกินจนอ้วน เพราะมันจะทำให้คุณหมดความมั่นใจไปกว่าเดิม

ง่ายๆเลยค่ะ ใครทำข้อแรกได้ ข้ออื่นก็ไม่ยากแล้วค่ะ ^-^

" 5 อาการหึง ที่ไม่น่ารัก เอาซะเลย "

โทรศัพท์มาเช็กกลางดึก : ถ้าโทรฯ มาเจ๊าะแจ๊ะหวานแหววไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าโทรฯมาเพื่อเช็กว่าเราอยู่บ้านหรือเปล่าก็อีกเรื่อง โดนบ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เองค่ะ
อยากรู้อยากเห็น : ตอนแรกก็เหมือนจะหลงรักเราหัวปักหัวปำ เลยอยากรู้เรื่องของเรา แต่แล้วก็เริ่มซักไซ้เรื่องผู้ชายเก่าๆ ของเราและเริ่มหมกมุ่นกับมัน ถ้าเรารู้สึกอึดอัด นั่นอีกสัญญาณบอกค่ะ
ตั้งตัวเป็นศัตรูกับแฟนเก่า : เลิกกันแล้วก็คือจบ แต่คนขี้หึงย่อมไม่ยอมจบ เขาจะหงุดหงิดหากเรายังติดต่อหรือพูดคุยกับคนเก่าๆ ในรายที่อาการหนักอาจพานไปถึงพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งหมาแมวของเรา เพราะกลัวถูกแบ่งปันความรัก
ค้นข้าวของๆ เรา : พฤติกรรมแบบนี้คนทำกันเยอะ เวลารู้สึกไม่มั่นคง หรือสงสัยว่ากำลังถูกสวมเขา
ขู่ฆ่าตัวตาย : คนขี้หึงจะขู่สารพัด ดีไม่ดีอาจถึงขั้นขู่ฆ่าตัวตายหากเราเลิกรา อย่ามองข้ามการข่มขู่แบบนั้นนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องไม่แฟร์เป็นเผด็จการแท้ๆ เลยเชียว

...วิธีเปลี่ยนอารมณ์เสีย ให้อารมณ์ดีอย่างรวดเร็ว....

เขียนบันทึก เพราะการเขียนเรื่องที่ทำให้คุณอารมณ์บูดลงในสมุดไดอารี่ หรือบนบล็อกส่วนตัวของคุณ เป็นอีกหนึ่งวิธีระบายความโกรธที่ดีทีเดียว ที่สำคัญมันสามารถช่วยได้โดยไม่ต้องรบกวนเพื่อน ญาติ ให้มารับฟังปัญหาของคุณอีกด้วย
คิดถึงฉากภาพยนตร์ ละคร หรือเรื่องราวน่าประทับใจแทนเหตุการณ์ที่ชวนอารมณ์ไม่ดี หรือจะฟังเพลงที่ชอบก็ได้ อาจจะช่วยได้อีกทาง
เข้าหาธรรมชาติ อาจ จะออกไปอยู่ในสวน ชมต้นไม้ ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ หรือออกไปเดินตากแดดอุ่น ๆ เดินชมแสงจันทร์ หรือหมู่ดาวยามค่ำคืน หรือแม้กระทั่งเขยิบตัวไปชิดหน้าต่างที่เปิดรับลมจากภายนอกก็ยังได้ ธรรมชาติจะช่วยให้จิตใจสงบ และผ่อนคลายลงจนทำให้คลายอารมณ์เสียได้
ลองก้มตัวลงไปเอามือแตะหัวแม่เท้า ค้างไว้สัก 1 นาที จาก นั้นค่อย ๆ ยกตัวกลับขึ้นมา จะรู้สึกว่า อารมณ์ดีขึ้น เป็นเพราะร่างกายได้เหยียดยืด ความตึงเครียดตามอวัยวะต่าง ๆ จะหายไป ทำให้อารมณ์สดใสขึ้นได้
แปะภาพที่ให้ความรู้สึกดี ๆ ไว้บนประตูตู้เย็น อาจจะเป็นภาพประทับใจของครอบครัวก็ได้ค่ะ อาจช่วยให้เราระลึกได้ถึงวันเวลาดี ๆ เพื่อให้ความรู้สึกดี ๆ เหล่านี้เข้ามาช่วยขับอารมณ์เสีย ออกไปได้
วางแผนลาพักร้อน เหนื่อยนักก็พักเสียเลย กางปฏิทินหาเวลาเหมาะ ๆ วางแผนลาพักร้อนไปเที่ยวกับครอบครัว และหากมีปฏิทิน ก็วงวันที่ด้วยปากกาสีสันสดใส ให้ตัวโต ๆ เวลาเดินผ่านจะได้นึกถึงช่วงวันหยุดที่กำลังจะมาถึง จิตใจจะได้ผ่องใส
ลองเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนรอบข้าง ทำดีให้คนอื่น ๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน เช่น นำหนังสือนิทานดี ๆ มาแบ่งปันให้เด็กๆ ในซอยฟัง หรืออาจจะซื้อกาแฟอร่อย ๆ มาฝากเพื่อนบ้านหรือเพื่อนร่วมงาน หรือคลุกข้าวเผื่อเจ้าตูบหน้าปากซอยก็ได้ อิ่มบุญขนาดนี้ เดี่ยวอารมณ์ก็สดใสขึ้น

15.9.53

ปวดศีรษะแบบไหนอันตรายควรไปหาหมอ

"โรคปวด ศีรษะ" เป็นโรคที่พบบ่อยชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อวัยวะที่อยู่บริเวณศีรษะ ใบหน้า และคอ หรือแม้แต่อาการทางกาย เช่น ไข้ ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะได้ทั้งสิ้น และมีความรุนแรงหรืออันตรายมากน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งอาการปวดศีรษะโดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือก่อให้เกิดความพิกลพิการค่ะ ที่พบบ่อยได้แก่ โรคปวดศีรษะจากความเครียด และโรคปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งเป็นกลุ่มโรคปวดศีรษะที่ไม่มีสาเหตุชัดเจนทางกาย แต่อย่างไรก็ตามมีอาการปวดศีรษะบางประเภท ที่บ่งบอกถึงความผิดปกติที่อันตรายจนอาจถึงแก่ชีวิตได้

ปวดหัวแบบไหนมีภัยร้ายซ่อนอยู่
โรคและอาการเจ็บป่วยทางกายอื่นๆ ที่เกิดร่วมกับอาการปวดศีรษะ เช่น มีไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักลด มีประวัติโรคมะเร็ง การติดเชื้อหรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เอชไอวี ผู้ที่รับประทานยาบางประเภท เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาละลายลิ่มเลือด ยากดภูมิคุ้มกัน ประวัติเหล่านี้บ่งบอกถึงโรคติดเชื้อ การอักเสบ และการแพร่กระจายของมะเร็ง

อาการแสดงผิดปกติทางระบบประสาท ได้แก่ พฤติกรรมหรือบุคลิกภาพเปลี่ยนจากเดิม แขนขาอ่อนแรง ชาหรือการรับรู้ประสาทสัมผัสผิดปกติ การมองเห็นหรือการได้ยินผิดปกติ

อาการปวดศีรษะที่เริ่มต้นหลังตื่นนอน มักบ่งบอกถึงภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง

อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นรุนแรงอย่างเฉียบพลัน ซึ่งมักใช้เวลาเป็นเสี้ยววินาที บ่งบอกถึงภาวะวิกฤติของหลอดเลือดสมอง ทั้งเส้นเลือดสมองตีบและแตก

อาการปวดศีรษะครั้งแรกหลังอายุ 50 ปี แม้ว่าโรคปวดศีรษะปฐมภูมิหลายๆ ชนิดอาจเริ่มต้นครั้งแรกหลังอายุ 40-50 ปี แต่อายุที่มากขึ้นมักสัมพันธ์กับโรคอื่นๆ ที่อาจจะเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะได้ที่พบบ่อย เช่น ก้อนเนื้องอก การติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลาง การอักเสบของหลอดเลือด ดังนั้นผู้ป่วยที่มีอาการปวดศรีษะครั้งแรก หลังอายุ 50 ปี จึงควรได้รับการเอกซเรย์สมองทุกราย ถึงแม้ว่าจะไม่พบความผิดปกติจากการตรวจร่างกายทางระบบประสาท

ลักษณะอาการปวดศีรษะต่างจากอาการปวดศีรษะที่เป็นประจำ โดยเฉพาะอาการปวดศีรษะที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีช่วงเวลาที่หายปวด หรือมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้น สำหรับอาการปวดศีรษะที่แย่ลงเมื่อไอจามหรือเบ่ง มักสัมพันธ์กับความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้นเช่นกัน

อาการปวดศีรษะที่แย่ลงเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทาง เช่น ปวดมากขึ้นเมื่อยืนนอน หรือเมื่อมีการเคลื่อนไหวของศีรษะและคอ อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบน้ำในโพรงสมองและไขสันหลัง หรือกระดูกต้นคออาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นข้างเดียวตลอดเวลา หรือมักปวดบริเวณด้านหลังของศีรษะ แสดงถึงพยาธิสภาพที่อาจเกิดอยู่บริเวณนั้นของศีรษะ หากเป็นอาการปวดศีรษะทั่วไปมักมีการสลับข้างซ้ายขวาบ้าง แต่มักพบว่าปวดข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง

เมื่อมีอาการปวดศีรษะครั้งแรก แม้จะมีหรือไม่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรไปพบแพทย์ เพื่อประเมินว่าเป็นโรคปวดศีรษะชนิดใด การวินิจฉัยที่ถูกต้องจะทำให้ผู้ป่วยได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว และยารักษาที่ตรงกับชนิดของโรคปวดศีรษะที่เป็น ถึงแม้ส่วนใหญ่ของโรคปวดศีรษะจะไม่เป็นอันตราย แต่การรักษาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การดำรงชีวิตเป็นปกติสุข การคอยสังเกตสัญญานอันตรายหรือความผิดปกติจะทำให้การวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงทีและส่งผลกระทบกับผู้ป่วยน้อยลงได้




ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากโรงพยาบาลเวชธานี

อาหารที่ทานแล้วอารมณ์ดี

ปลาแซลมอนและปลาแมคเคอเรล อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีการวิจัยยืนยันว่า หากขาดกรดไขมันชนิดนี้จะไปสู่อาการซึมเศร้าได้

น้ำมันคาโนลา (Canola Oil) คนที่มีอาการซึมเศร้า มักจะมีระดับวิตามินอีต่ำ ซึ่งน้ำมันคาโนลาสามารถทดแทนได้เพราะมีวิตามินอีสูงมาก อาจใช้น้ำมันคาโนลาปรุงอาหารแทนน้ำมันพืชก็ได้ แต่ไม่ควรทานเกินวันละ 2 ช้อนโต๊ะ เพราะจะทำให้อ้วนได้

ผักโขม ผักใบเขียวอย่างผักโขมมีโฟเลตสูง ซึ่งโฟเลตมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างเซโรโทนิน ลองหันมากินสลัดผักโขมแทนสลัดผักกาดหอมทั่วไป เวลาอารมณ์ไม่ดีก็ช่วยได้

ถั่วชิกพีหรือถั่วหัวช้าง (Chick Pea) มีโฟเลตและวิตามินอีสูง นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ ธาตุเหล็ก โปรตีนสูง แต่ไขมันต่ำ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์

ไก่และไก่งวง มีวิตามินบี 6 สูง ซึ่งเป็นสารอาหารอีกชนิดที่มีส่วนสำคัญในการผลิตเซโรโทนิน นอกจากนี้ไก่และไก่งวงยังอุดมด้วยเซเลเนียม วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญ


เคล็ดลับในการสร้างสมาธิในการ ทำงาน ^^

เลือกงานหิน เลือกงานหินขึ้นมาหนึ่งงาน (ควรเป็นงานที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำก่อน) แล้วตัดสินใจว่าจะทำให้เสร็จในรวดเดียว หรือว่าจะจำกัดเวลาเป็นเวลาเท่าไหร่ (เช่น ทำ 30 นาทีแล้วหยุดพัก)

สร้างพื้นที่การทำงาน ก่อนเริ่มงานกำจัดทุกอย่างที่จะดึงความสนใจจากงานตรงหน้าออกให้หมด เช่น ปิดหน้าจอ ปิดมือถือเสียด้วย

เสียงเตือนตั้งนาฬิกาปลุก หรือถ้าตั้งใจว่าจะทำไปจนกว่างานนั้นจะเสร็จ ก็พยายามทำสมาธิ อย่าพะวงเรื่องอื่นก่อนถึงกำหนดเวลา

เมื่อโดนขัดจังหวะจากงานอื่น ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้จดโน้ตไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการทีหลัง
เกิดวอกแว่กอยู่ๆ ดันอยากเช็คอีเมลขึ้นมา หรืออยากไปทำอย่างอื่นแทน ลองหายใจลึกๆ แล้วตั้งใจใหม่

งานด่วนเข้าแทรก เกิดมีงานด่วนกว่าเข้ามาจริงๆ เลี่ยงไม่ได้ ก็ควรจะพยายามจดโน้ตไว้ว่าขณะนั้นทำงานมาถึงไหน ตั้งใจจะทำอะไรต่อไปก่อนโดนขัดจังหวะ แล้วจัดเก็บโน้ตนั้นกับงานไว้ด้วยกัน เมื่อกลับมาเริ่มใหม่ภายหลังจะได้ต่อติด

รีแลกซ์ด้วย อย่าเครียดมากจนเกินไป ถ้ารู้สึกเครียดกับงานตรงหน้ามาก ให้หยุดพัก หายใจลึกๆ ยืดเส้นสายเสียหน่อย หรืออาจจะหยุดพักดื่มกาแฟ อย่าเข้มงวดกับตัวเองเกินไปนัก

ให้รางวัลหลังงานเสร็จ ให้รางวัลกับตัวเองด้วยการเช็คอีเมลหรืออ่านบล็อกที่ชอบได้ ใครที่อยากมีสมาธิในการทำงาน ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.

วางตัวอย่างไร… เมื่อมีรักในที่ทำงาน (บทความ)

1.ใจร้อนระวังรักคุด หากสาวออฟฟิศคนไหนโดนหนุ่มสุดหล่อหว่านเสน่ห์เข้าใส่ อย่าหลงใจอ่อนเชียวหละ ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจได้เสียที่ไหน แอบเก็บกิ๊กเอาไว้เยอะ พวกนิยมไม้ป่าเดียวกันก็แยะ ดังนั้น คุณอย่าเพิ่งใจร้อนไป ใช่ว่ารักในออฟฟิศจะยั่งยืนเสมอไป ค่อย ๆ ศึกษานิสัยใจคอกันให้รอบคอบ แล้วจะคบกันก็ยังไม่สาย เพราะรักจะยาวนานหรือสั้นกุดก็ขึ้นอยู่กับความยาวนานของทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ได้รักกันหวังควงกันเล่น ๆ เพราะขืนเป็นอย่างนั้นคงไม่รอดหรอกค่ะ
2.อย่าออกนอกหน้าเกินเหตุ มีคู่รักทำงานสายเดียวกันใช่ว่าจะดีเสมอไปนะคะ ถ้ามัวแต่มานั่งส่งสายตาหวานเยิ้ม เอาอกเอาใจจนออกนอกหน้า จะทำให้เพื่อนร่วมวงานหมั่นไส้ได้นะคะ ยิ่งเขามีตำแหน่งเป็นถึงผู้บังคับบัญชาแล้วด้วยละก็ รับรองได้ว่าลูกน้องคนอื่นคงพาลกันพาน้อยใจกันทั้งออฟฟิศและที่แย่ไปกว่า นั้นอาจจะขาดสมาธิในการทำงาน เพราะความใกล้ชิดมันชวนอยากให้ทำอย่างอื่นมากกว่าทำงานนี่นา
3.ตำแหน่งเปลี่ยน ใจเลยเปลี่ยนคบกันมาตั้งนานจากตอนแรกมีตำแหน่งหน้าที่เท่าเทียมกันนี่แหละ แต่ถ้าจู่ ๆ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลื่อนตำแหน่ง ก็หวังว่าคนที่ได้เลื่อนขั้นคงไม่วางฟอร์มว่าข้านี่เจ๋ง เหนือกว่าแฟนแล้วกันค่ะ หากไม่ขี้โอ่ หรือทำตัวเวอร์เกินเหตุความรักก็คงราบรื่น เว้นแต่เสียว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำตัวเปลี่ยนไปจากเดิม แล้วจะให้รักจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งได้อย่างไรล่ะค่ะ
4.เรื่องนี้ต้องขยาย เข้ากลุ่มเพื่อนทีไรเผลอคุยฟุ้งเรื่องแฟนตัวเองทุกที ยิ่งแอลลกอฮอล์เข้าปากด้วยแล้ว ความลับที่ว่าสุดยอดแค่ไหนก็ออกมาได้หมด หากคนที่เขาฟังไม่นำไปเล่าต่อถือว่าโชคดี แต่อย่าลืมว่าคนบางพวกชอบเรื่องซุบซิบเป็นที่สุด ขอให้นินทาลับหลังไว้ก่อน ถือว่าเป็นความสุขของเขาเลยล่ะสาว ๆ ก็ลองนึกดูนะคะว่าเรื่องส่วนตัวควรพูดมากน้อยแค่ไหนถึงจะไม่ทำให้ตัวเอง เสียหาย
5.เลิฟซีนผิดที่ ซวยไม่รู้ตัว เห็นคนอื่นแสดงความรักกันมันช่างน่าอิจฉาเสียจริง แต่ถ้าฉวยโอกาศเลิฟซีนไม่รู้จักกาละเทศะ ระวังเถอะ ใครจะเจอเข้าถูกเมาทไม่เลิก โดนกระหน่ำเมาท์อย่างเดียวยังพอทนได้แต่ถ้าโดนใส่สีตีไข่ด้วยนี่สิ คงวิ่งไปตลาดหาปี๊บมาคลุมหัวแทบไม่ทัน ยังไง ๆ ทางที่ดีแสดงบทรักกันสองต่อสองในที่ลับตาคนจะดีกว่าเป็นไหน ๆ นะคะ
6.ระวังตัวให้ดี เดี๋ยวนีเทคโนโลยีไฮเทคไปถึงไหน มีคอมพิวเตอร์ไว้ทำงานอย่างเดียวไม่พอ ต้องส่งอีเมลรักถึงกันด้วยถึงจะคุ้ม แต่ระวังข้อมูลจะรั่วเข้าสักวันนะคะ หากบริษัทไหนไม่ชอบแล้วคุณยังประดิษฐ์คำหวาน ๆ พิมพ์หากันอยู่ จนมองไม่เห็นเจ้านายที่แอบมองอยู่ข้างหลัง จนเป็นเรื่องได้
7.ลำเอียงมากไปไม่ดีนะ เป็นเรื่องธรรมดาที่คู่รักจะซึมซับความรู้สึกเข้าใจความคิดของกันและกัน จึงมักจะเกิดปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งงในการทำงาน แม้เขาเป้นหวานใจกันก็อดที่จะเข้าข้วงกันไม่ได้หรอก แต่ควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ให้มาปนกันเวลาควรตั้งหน้าตั้งตา ทำงานแบบคนเป็นมืออาชีพ อย่าให้ความสัมพันธ์มาเป็นอุปสรรคต่องาน ต้องว่ากันไปตามเหตุผลอย่างตัดสินใจลำเอียงเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะหมดความน่าเชื่อถือไปโดยปริยาย
8.สานสัมพันธ์ทั้งงานทั้งความรัก ถ้าต้นรักของคุณออกดอกผลิบานสวยงาม ทั้งคู่ไปกันได้สวยทั้งการงานและความรัก ขอแนะนำให้เดินหน้าลุยไปเลยค่ะ สวรรค์สร้างมาให้เป็นคู่แท้กันแล้ว ก็อย่ากลัวที่จะขยับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ไม่ได้ทำเรื่องเสียหายนี่ค่ะ ความรักก็ดีการงานก็เยี่ยมใครจะมาว่า มีแต่อิจฉาตาร้อนผ่าว ๆ จนต้องเอาน้ำแข็งประคบตากันเป็นแถว ๆ แบ่งเวลาความรักได้ดีอย่างนี้รุ่งแน่
9.ที่ทำงาน…ไม่ใช่ที่บ้าน เข้าใจนะคะว่ารักกันก็อยากแสดงความรักหยอกล้อกัน แต่ยังไงก็ควรแคร์สายตาคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ถือคติที่ว่ารักแล้วต้องแสดงออก ถ้าอยากจะแสดงออกก็ควรไปในที่ส่วนตัว ไม่ใช่มาหวานกันจนมดกัดท่ามกลางสายตาเพื่อนร่วมงาน เพราะคุณกับหวานใจก็เป็นพนักงานคนหนึ่งในบริษัท ก็ควรปฏิบัติให้เหมือนเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ในเวลางานคงไม่เหมาะที่จะเรียกหวานใจว่าที่รักอาจจะโดนเขม่นเอาได้
10.ของเขาไม่ใช่ของเรา แอบรักคนมีเจ้าของมันผิดศีลข้อ 3 นะคะ ยิ่งเป็นคนในที่ทำงานยิ่งแล้วใหญ่ ขืนไปยุ่งกับคนมีเจ้าของมีลูกมีเมียแล้วล่ะก็ เห็นทีอนาคตการงานริบหรี่แน่ พานแต่จะโดนเพื่อนร่วมงานรังเกียจประณามหยามเยียดว่าคุณเป็นคนไม่รู้จัก ชั่วดี ชอบแย่งของของชาวบ้าน ต่อไปคงไม่มีใครอยากจะร่วมเสวนาด้วย เสียทั้งชื่อเสียง เสียทั้งงาน คุ้มกันซะที่ไหน ทางที่ดีอยู่ห่าง ๆ คนที่มีคู่แล้วดีกว่าค่ะ
มีความรักไม่ใช่สิ่งผิด แต่ถ้ามีความรักผิดที่แล้วหล่ะก็ … เสียทั้งงาน ทั้งคนรัก … ไม่รู้ด้วยนะคะ ^-^

20 คำทับศัพท์ที่ใช้บ่อยจนคิดว่าเป็นคำไทย!!

กงสุล (consul) ได้ยินประจำคือ สถานกงศุลค่ะ พี่แนนก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเรียกคล้ายๆกับภาษาอังกฤษเลย

คูปอง (coupon) อันนี้พี่แนนไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่ายังไงดี ก็ทับศัพท์ตลอดเลยค่ะ

โคม่า (coma) เพื่อนพี่แนนตอนอกหัก ร้องไห้ฟูมฟาย จะเป็นจะตาย ก็เรียกว่า อาการโคม่า -_-''

เชิ้ต (shirt) เสื้อเชิ้ต ... แล้วเรียกเสื้ออะไรได้อีกหนอ??

ชอล์ก (chalk) ตั้งแต่เรียนมา คุณครูพี่แนนก็พูดว่าชอล์กตลอดเลยค่ะ ก็เลยไม่รู้ว่าเรียกอย่างอื่นว่าอะไร?

ซอส (sauce) ขาดไม่ได้สำหรับการประกอบอาหาร มีสารพัดซอสเลย

เต็นท์ (tent) มีหลายแบบหลายชนิด เป็นเหมือนที่พักชั่วคราว ที่พกพาได้ โดยเฉพาะเวลาไปค่าย ถ้าได้มีกางเต็นท์ สนุกเลย

แท็กซี่ (taxi) เจอได้ตามท้องถนนทั่วไป สั้นๆง่ายๆ

แบตเตอรี่ (battery) เวลาพี่แนนไปซื้อ เรียกถ่านไฟฉายตลอดเลย แหะๆ

ปลั๊ก,ปลั๊กไฟ (plug) เป็นอุปกรณ์วงไฟฟ้า ทำงานได้ต้องมีทั้งเต้ารับ และเต้าเสียบ แต่แหม จะให้พูดว่า "เอาเต้าเสียบพัดลม ไปใส่เต้ารับ" ก็ดูแปลกๆ ไม่ได้ยินคนพูดกัน ก็เลยพูดว่าเสียบปลั๊ก ก็เข้าใจแล้ว

ฟรี (free) ก็คือ ไม่ต้องเสียอะไร คำนี้เป็นคำที่หลายๆคนชอบ ได้ยินที่ไหนไม่ได้ ต้องไปให้ถึงแหล่ง อิอิ พี่แนนก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำอื่นว่าอะไรค่ะ

ฟิล์ม (film) อันนี้ไม่ใช่นักร้องนะคะ ฮ่าๆ แต่หมายถึงอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของการบันทึกภาพ

ยีราฟ (giraffa) สัตว์โลกน่ารักคอยาวที่สุดในโลกตัวนี้ เพื่อนพี่แนนเคยอ่านเสียงดังๆ ว่า "ไก-รา-ฟี่" ด้วยหล่ะ ฮ่าๆๆ

ลิปสติก (lipstick) หรือเรียกกันสั้นๆว่าทาลิป น้องคนไหนชอบใช้ เรียกอีกอย่างว่าอะไรคะ?

ลิฟต์ (lift) เหมาะสำหรับคนไขข้อเสื่อมอย่างพี่แนน เย้ย พี่แนนขึ้นตึกด้วยบันได้ได้สูงสุดแค่ 5 ชั้นค่ะ นอกนั้นขอพึ่งลิฟต์อ่ะ

แสตมป์ (stamp) ภาษาไทย คือ ดวงตราไปรษณียากร แต่ก็ดูยาวใช่ไหมคะ เลยเรียกกันสแตมป์ สั้นกว่าเยอะ บางทีก็ได้ยินว่า ไปสแตมป์บัตรจอดรถ ก็คือประทับตราจิดรถนั่นเอง

สปาเกตตี (spaghetti) ของกินอีกหนึ่งเมนู เป็นเส้นๆราดซอสหลายแบบ พี่แนนก็ชอบทุกแบบแหละ อิอิ

โหวต (vote) ก็คือการลงคะแนนเสียง แต่ก็นิยมใช้เรียกสั้นๆมากกว่า

ออฟฟิศ (office) เวลาพูด ก็นึกถึงที่ทำงานใช่ไหมคะ ถ้าจะบอกว่ากลับสำนักงาน จะดูเชยไปไหม อิอิ

ฮอร์โมน (hormone) เวลาเจออาหารอร่อยๆ ฮอร์โมนพี่แนนก็พลุ่งพล่าน หน้าตาแจ่มใสกว่าปกติ (เอ๊ะ น่าจะเป็นน้ำย่อยมากกว่านะ ฮ่าๆ)



14.9.53

ฟิสิกส์ ล้วนๆ ^^

นั่งอ่านหนังสืออยู่ดีๆ
ก็เริ่มปล่อยใจ
...................................................................
ใจอยู่นิ่งๆ
ปล่อยไปในแนวดิ่ง
ความเร็วต้นเท่าไหร่?
----------------------------
ใจอยู่ต่างกัน
ออกเดินไม่พร้อมกัน
กว่าใจจะพบกัน
ใช้เวลาเท่าไหร่?
----------------------------
ใจหนึ่งอยู่สูง
อีกใจอยู่ต่ำ
ใจที่อยู่ต่ำ
จะพบใจสูงได้ไหม?
-------------------------------------
1. v = u+gt ใช้เมื่อไม่สนใจ s
2. s = [v+u]/2 t ใช้เมื่อไม่สนใจ a
3. s= ut + 1/2gtt ใช้เมื่อไม่สนใจ v
4. vv = uu + 2as ใช้เมื่อไม่สนใจ t
.................................................................................
ไม่มีสูตรไหนเลยที่ไม่สนใจ u
แสดงว่า u ต้องน่าสนใจ
.........................................................
ทุกสูตรสนใจ u
ทุกคนสนใจ u
Everybody like U
ไม่เว้นแม้แต่ I
จาก forward เมล

10.9.53

บทความดีๆ อานุภาพแห่งรอยยิ้ม

ยิ้มเปรียบเสมือนภาษาสากล ไม่ ว่าคนเราจะเดินทางไปไหน ณ มุมไหนของโลก หรืออยู่ในสถานที่ที่มีข้อกีดขวางทางวัฒนธรรมและภาษา ยิ้มสามารถใช้เป็นภาษาที่สื่อสารและเข้าใจง่ายมากที่สุด เป็นภาษาที่ไม่ต้องการคำอธิบาย ไม่ต้องอาศัยเวลาเล่าเรียน ฝึกฝน เพราะทุกคนต่างเข้าใจความหมายแง่บวกที่สื่อออกไปแน่นอน
ยิ้มคือแม่เหล็กดูดมิตร ธรรมดา แม่เหล็กดูดสิ่งของที่มีประจุต่างกันและผลักสิ่งที่มีประจุต่างกัน ยิ้มก็เช่นกันเป็นตัวดูดคนดีให้เข้ามาใกล้ ยามที่เราต้องการจะเริ่มบทสนทนา หรืออยากรู้จักเพื่อนใหม่สักคนเพียงส่งยิ้ม แห่งมิตรภาพไป ไม่ถึงเสี้ยววินาทีคุณก็จะได้รับรอยยิ้มแบบเดียวกันกลับมา อานุภาพแห่งยิ้มชั่วพริบตานี้อาจนำมาซึ่งมิตรแท้ ที่จะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต
ยิ้มเป็นยาชูกำลัง เมื่อ คนเราเกิดความเศร้า ท้อแท้เป็นอาการป่วยทางจิต ยาปฏิชีวนะขนาดใดๆก็ไม่สามารถรักษาเยียวยาได้ ทว่าหากมีใครสักคนเดินเข้ามา ด้วยความจริงใจพร้อมมอบรอยยิ้มเห็นอกเห็นใจให้ แม้ไม่มีคำปลอบประโลมใดแต่ทำให้ใจที่มืดมนเกิดหนทางสว่างขึ้นได้ ประหนึ่งยาชูกำลังจิตใจคนเศร้าหมองให้มีพลัง กลับมายืนหยัดสู้กับปัญหาอีกครั้ง
ยิ้มยังเป็นยาอายุวัฒนะ ใคร ก็ตามที่มีอารมณ์ดีเป็นนิสัย มองไปคราใดก็พบใบหน้าเปื้นยิ้มอยู่เป็นนิจ จะเป็นผู้ที่สภาพจิตดีและอายุยืน เขาว่า “ใจเป็นนายกายเป็ยบ่าว” เมื่อใจซึ่งเป็นนายของกายดี ก็พลอยทำให้บ่าวอย่างกายมีพลานามัยแข็งแรง ส่งผลให้มีอายุยืนยาวตามไปด้วย
ในทางจิตวิทยากล่าวไว่ว่า ไม่มีใครสามารถโกรธได้จริงในขณะที่พูดคำว่า “ยิ้ม” แบบทดสอบง่ายๆให้ลองทำหน้าให้บึ้งที่สุด เครียดที่สุด แล้วพูดคำว่า “ยิ้ม” สักสี่ห้าครั้งดูไม่มีทางเลยว่า คุณจะไม่เผลอหลุดยิ้มออกมาจริงๆในที่สุด

++ 5 เสน่ห์ของสาว ที่ผู้ชายมักไม่ปฏิเสธ ++

1 เอาใจเก่งขี้อ้อน : นี่ เป็นเสน่ห์ที่ใช้ง่ายและได้ผลดีมากที่สุด
2 อ่อนหวานและอ่อนโยน : ผู้หญิง กับความอ่อนหวานขาดกันไม่ได้นะจ๊ะ ถึงแม่ว่าจะมีแบบห้าวๆบ้าง แต่ลึกๆก็ต้องมีความอ่อนหวานซ่อนอยู่บ้างนะ
3 เปิดเผย จริงใจ : ผู้หญิงเวลามีอะไรอึดอัดใจ ควรจะพูดกันตรงๆนะคะ ทั้ง2 ฝ่ายจะได้ไม่อึดอัด และอีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนาที่เราจะต้องการอะไรอีกด้วย ฝึกบอกความในใจให้เขารู้บ้างเป็นสิ่งที่ดีนะ
4 คล่องแคล่ว ปราดเปรียว : อืม สาวๆแบบนี้ อาจจะเป็นที่สนใจของหนุ่มๆหลายคน เพราะดูฉลาด และมีเสน่ห์ ใครเห็นก็เป็นต้องทึ่ง
5 เข้าใจอะไรง่าย : การ ที่เข้าใจอะไรกันง่ายๆในบางเรื่องก็ทำให้สาวๆดูดีขึ้นเยอะ เพราะดูไม่งี่เง่าจนเกินเหตุ แต่ก็ต้องใช้เหตุผลด้วย อย่ายอมเสียทุกเรื่องละกัน

6.9.53

" เพียงแค่กระดาษ "

เพียงคำพูด พูดไป ก็หายเปล่า
ไม่มีเรื่อง ไม่มีราว ให้ยึดถือ
เพียงกระดาษ ก็เขียนได้แค่ปลายมือ
มันก็คือ แค่กระดาษ เพียงหนึ่งใบ
แต่จงรอ ดูตัวฉัน ในวันหน้า
อีกไม่ช้า จะคลี่คลาย หายสงสัย
สักสิบปี ยี่สิบปี ไม่สายไป
อ่านเก็บไว้ แล้วคอยดูให้รู้จริง

...คุณค่าหลังธนบัตร ที่คุณอาจมองข้าม...

ธนบัตร ๒o บาท ...คุณรู้ไหมว่าเป็นภาพของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ไหน

คำตอบก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล และ "คุณค่า" หลังธนบัตรนี่ มีข้อความว่า

"ถ้าคนไทยทุกคน ถือว่าตนเองเป็นเจ้าของชาติบ้านเมือง และต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี ด้วยความสุจริตและถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมแล้ว ความทุกข์ยากของบ้านเมือง ก็จะผ่านพ้นไปได้"


มาถึงแบงก์ร้อย
ส่วนใหญ่คงจำกันแม่นว่า "หลังธนบัตร" สีแดงใบละร้อย เป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราช แต่คุณเคยรู้ "คุณค่า" หลังธนบัตรนี้ไหม คำตอบนี่ครับ..

"ประเพณีทาสที่มีอยู่ในพระราชอาณาจักรสยาม ถึงเป็นวิธีทาสทำสารกรมธรรม์
ขายตัวด้วยใจสมัคร มิใช่ทาสเชลย ที่เป็นการกดขี่อย่างร้ายแรงก็จริง
แต่เป็นเครื่องกีดขวางทางเจริญ ประโยชน์และสุขสำราญ ของมหาชนอยู่อย่างหนึ่ง
ซึ่งจำเป็นจะต้องเลิกถอน อย่าให้มีประเพณีทาสในพระราชอาณาจักรนี้
กรุงสยามจึงจะมีความสมบูรณ์เท่าทันประเทศอื่น

แบงก์ ๕oo ล่ะ ใช้ธนบัตรสีม่วง รู้ไหมเป็นภาพพระองค์ไหน

แน่นอนว่าหลายคนคงนึกไม่ออก ..เพราะเป็น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชดำรัสไว้ในเราทราบคือ..

"การงานสิ่งใดของเขาที่ดี ควรจะเรียนร่ำเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา
แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว"

แบงก์ใหญ่ที่สุด ธนบัตรใบละ ๑ooo บาท

หลายคนทราบดีว่าเป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เคย "อ่าน" สิ่งที่มี "คุณค่า" หลังธนบัตรไหมครับ

"เศรษฐกิจแบบพอเพียง … เศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น หมายความว่าอุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง"

ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ?????

บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไป

เพียงเพราะใช้เวลาสั้นๆ ในการตัดสินสิ่งนั้นว่า " ไร้สาระ"

หลายวันก่อน เพื่อนคนหนึ่งถามผมว่า
"ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ? "

ผมไม่ได้สนใจและใส่ใจกับคำถามนั้นสักเท่าไหร่

เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีสาระอะไรเสียเลย

แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบเล่นๆ ไปว่า
"ก็คงมีเพื่อความสะดวกมั้ง

หรือไม่ก็ช่วยให้คนขี้ลืมที่ชอบวางยางลบไม่เป็นที่เป็นทาง

ได้มียางลบ ใช้มั้ง"

เพื่อนของผมก็อมยิ้ม ก่อนที่จะตอบผม สั้นๆ ว่า
"ไม่ใช่"

"อ้าว. . .งั้นเพราะอะไรล่ะ" ผมอดที่จะถามไม่ได้

ก็เพราะว่า " คนเราสามารถทำผิดกันได้ "


กระดาษทราย

30.8.53

10 ความลับเรื่องแสบๆของวัยรุ่นผู้ชาย !! ที่หลายคนทำ

อันดับ 10 โดดเรียน
วัยรุ่นชายถึง 4 ใน 10 เคยโดดเรียนโดยครูและผู้ปกครองไม่เคยจับได้ซักครั้งเดียว (ถือเป็นความสามารถพิเศษ อิอิ)
อันดับ 9 เรียน รด.
สาเหตุที่ผู้ชายไม่อยากเรียน ร.ด. เพราะกลัวถูดตัดผมสั้นมากกว่าการฝึกหนัก (ห่วงหล่อมากก่าห่วงเหนื่อย!!)
อันดับ 8 ตำรวจและทหาร
อาชีพในฝันมากที่สุดของผู้ชายวัยอนุบาลถึงประถม คือตำรวจและทหาร
อันดับ 7 ทุจริตในการสอบ
วัยรุ่นชาย 80% ขึ้นไป สารภาพว่าเคยทุจริตในการสอบ(รวมถึงเล็กๆน้อยๆ)
อันดับ 6 ลอกการบ้าน
วัยรุ่นชาย 95% ล้วนเคยลอกการบ้าน
อันดับ 5 เรียนรู้
ผู้ชายจะเรียนอะไรได้ดีแบบสุดๆก้อด้วยใจรักมากกว่าความรับผิดชอบ
อันดับ 4 งานช่าง
ส่วนเรื่องงานช่างทุกประเภท ผู้หญิงไม่มีวันทำสู้ผู้ชายได้ ให้ตายสิ!!!
อันดับ 3 ทักษะการใช้ภาษา
ทักษะการใช้ภาษาวัยรุ่นชายแพ้ผู้หญิงกระจุยกระจาย
อันดับ 2 ความทะเยอทะยาน
อ๊ะๆอย่าเพิ่งดีใจ เพราะธรรมชาติสร้างควาทะเยอทะยานให้ผู้ชายมีมากก่าผู้หญิง ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ผู้ชายทุ่มเทฝนการเรียนรู้ ทำได้ดีก่าผู้หญิง (ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว ผู้ชายจะทำทุกเรื่องได้ดีกว่าผู้หญิงแม้สิ่งนั้นจาเป็นงานของผู้หญิง เช่น ทำอาหาร เสริมสวย การตัดเย็บ etc...)
อันดับ 1 ผู้ชายโตไวกว่าผู้หญิงโดยธรรมชาติ
ผู้ชายโตไวกว่าผู้หญิงโดยธรรมชาติ และก้อนสมองการเรียนรู้ของผู้หญิงใหญ่กว่าผู้ชาย

28.8.53

สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงสวยน้อยลง

1. สูบบุหรี่ นอกจากจะทำให้เกิดริ้วรอยยับย่นบริเวณรอบปาก บุหรี่ยังไปขัดขวางการไหลเวียนของเส้นเลือด ทำให้ปริมาณออกซิเจนผ่านไปยังเซลล์ผิวได้ไม่เพียงพอ ผิวจึงหมองคล้ำ ถ้าไม่สามารถสูบบุหรี่ให้น้อยลงได้ ควรบำรุงผิวด้วยการรับประทานวิตามินซีเป็นประจำ

2. มลภาวะ สิ่งแวดล้อมเป็นพิษที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น จึงควรตื่นเช้าไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะหรือเข้ายิม เพื่อเพิ่มพลังให้ร่างกายต้านอนุมูลอิสระ แล้วทาครีมที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ เพื่อเป็นการปกป้องผิวปิดท้าย

3. อากาศแห้ง ผิวหนังจะสูญเสียน้ำ ความชื้น และแห้งแตกราวกับเป็นเพื่อนรักกับจระเข้ ทางที่ดีหมั่นทาครีมบำรุงผิว และหาสเปรย์น้ำแร่มาฉีดเติมน้ำให้ผิวบ้าง

4. การเพิ่ม / ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผิวก็เหมือนอีลาสติก ยืด ๆ หด ๆ บ่อยเข้าก็เหี่ยวและเสียความยืดหยุ่นเป็นธรรมดา พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม ไม่ควรลดน้ำหนักด้วยการทานยา เพราะผลจากโยโย่เอฟเฟ็คท์จะทำให้น้ำหนักพุ่งพรวด ผิวแตกลาย และเกิดเซลลูไลท์

5. การถูหรือขัดที่ผิวหน้าแรง ๆ ต้องห้าม จำไว้ว่าการแต่งหน้า หรือบำรุงผิว ต้องทำอย่างเบามือ และอ่อนโยนที่สุด ลงทุนใช้แปรงปัดแก้มที่ทำจากขนสัตว์ ฟองน้ำเนื้อดี เพื่อป้องกันรอยยับย่น

6. สะอาดเกินไป สาวอนามัย ทั้งล้าง ทั้งขัดใบหน้าจนขึ้นเงา การเสียดสีผิวมากเท่าไร ผิวก็ยิ่งหยาบกร้านได้มากเท่านั้น แถมมีโอกาสแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย

7. แอลกอฮอล์ หลังจากร่างกายเสพแอลกอฮอล์เข้าไป จะส่งผลให้ผิวแห้งจากภายในมาสู่ภายนอก ตับทรุด และทำลายวิตามินบีในร่างกาย

8. ยา ยาบางชนิดมีผลข้างเคียง ทำให้ผิวแห้ง หรือไปกระตุ้นฮอร์โมนทำให้ผิวมันกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรถามเภสัชกรทุกครั้งว่า ยาที่รับประทานมีผลอะไรต่อร่างกายอีกบ้าง

9. ท้องผูก อาการท้องผูกยังทำให้สารพิษต่าง ๆ สะสมไว้ในร่างกายและผิวพรรณ ดังนั้น ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ รับประทานผัก ผลไม้ อยู่เสมอ

10. แสงแดด เป็นตัวการทำลายผิวอยู่เป็นประจำ ด้วยยูวีเอ จะเข้าไปทำให้เกิดริ้วรอย ส่วนยูวีบี จะส่งผลให้เกิดการไหม้ แสบ ร้อน

ผู้หญิงคนไหนที่อยากสวย ก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงสิ่งที่แนะนำให้มากที่สุด เพื่อความสวยที่ยาวนาน.

ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

*** คติ..สอนใคร ***

จิตวิญญาณ ใดใด ในความคิด
เกิดจากจิต สงบนิ่ง ไม่ติงไหว
ห้วงคำนึง สร้างจาก รากฐานใจ
ก่อเกิดให้ สร้างสรรค์งาน ผ่านสายตา...

25.8.53

เรื่องจริงของวัยรุ่นไทย!!

ขำขัน 18 เรื่องจริง ของวัยรุ่นไทย

1.อาหารสิ้นคิดของวัยรุ่นคือ ข้าวผัดกระเพรา

2.ส่วนใหญ่ที่วัยรุ่นไทยยิ้ม เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

3.วัยรุ่นไทยมักเปลี่ยนใจง่าย


4.วัยรุ่นไทยมักเชื่อเพื่อนมากกว่าเชื่อแฟน

5.ผู้ชายที่ติดแฟน จะถูกเพื่อนรุมประนามว่า คนทิ้งเพื่อน!!!

6.วัยรุ่นไทยรู้ดีว่า การอยู่หน้าคอมเป็นเวลานานกว่า2ชั่วโมง จะทำให้สายตาเสีย ...แต่ไม่เคยมีใครอยู่หน้าคอมต่ำกว่า2ชั่วโมงเลยซักค น

7.หน้าร้านเกมติดป้าย ห้ามเด็กนักเรียนเข้าก่อน14.00น.แต่เวลา8.00น.เป็นต้ นไป จะเห็นเด็กหัวเกรียนใส่ชุดอยู่บ้านนั่งเล่นเกม เพราะ..กุเอาชุดมาเปลี่ยน

8.เมื่อวัยรุ่ยไทยนั่งเก้าอี้ในโรงหนังปุ๊ป..จะเอ่ยค ำว่า ทำไมร้อนจังวะ!!แต่หลังจากหนังผ่านไปประมาณครึ่งเรื่ อง จะได้ยินคำว่า...เมื่อไหร่จะจบวะ กุหนาว!!!

9.ทุกๆ1-2ปี จะมีคำพูดยอดฮิตและติดปาก มากในหมู่ของวัยรุ่นไทย คำพูดเหล่านั้นมาจากชายจมูกโต ที่ชื่อ โน๊ต อุดม!!!

10.ที่ร.รจะมีการเข้าแถวเคราพธงชาติทุกเช้า แต่มีกลุ่มบุคคลหนึ่ง ยอมมาสายเพื่อหลีกเหลี่ยงการเข้าแถวเคราพธงชาติ

11.ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเถียงชนะผู้หญิง..นอกจากตุ๊ด

12.วัยรุ่นชายเกลียดการเรียนร.ด แต่วัยรุ่นหญิงอยากเรียนร.ด เพราะคิดว่ามันสนุก (ต่อไปเกณฑ์ทหารหญิงด้วยเลยดีมั้ย )

13.ผู้หญิงที่น่ารัก ขาวๆ มักจะโดนผู้ชายแอบมองทุกรูขุมขนเท่าที่จะมองได้ แต่ผู้หญิงที่ตัวดำๆหน้าตาใช้ไม่ได้ มักจะโดนผู้ชาย มองทีเดียว(ด้วยความไม่ได้ตั้งใจ)และเมินสายตาหนีไปอ ย่างไม่มีเยื่อใย

14.ผู้หญิงคิดว่า ถ้าผู้หญิงบอกเลิก แสดงว่าผู้หญิงน้อยใจ แต่ถ้าผู้ชายบอกเลิกแสดงว่า กุทนไม่ไหวแล้ววว!!!!

15.เวลาเรารู้สึกเกลียดหรือไม่ชอบเพลงไหน เรามักจะร้องเพลงนั้นได้

16.ผู้ชายไม่สามารถดูหนังโป้ได้จบเรื่อง!!

17.หลังจากออกจากห้องสอบ คำแรกที่คุณพูดเมื่อเห็นหน้าเพื่อนคือ...ทำได้ป่าววะ ?

18.และคุณจะหัวเราะเมื่อเพื่อนบอกว่า...กุมั่ว!!!


คนนี้

24.8.53

... เธอทุกข์ - ฉันทุกข์ เธอสุข – ฉันสุข...

คอยเตือน ยามเพื่อนพลั้ง คอยฟัง ยามเพื่อนขอ
คอยรอ ยามเพื่อนสาย คอยพาย ยามเพื่อนพัก
คอยทัก ยามเพื่อนทุกข์ คอยปลุก ยามเพื่อนท้อ
คอยง้อ ยามเพื่อนงอน คอยสอน ยามเพื่อนผิด
คอยสะกิด ยามเพื่อนเผลอ คอยเจอ ยามเพื่อนหา
คอยลา ยามเพื่อนกลับ คอยปรับ ยามเพื่อนเปลี่ยน
คอยเรียน ยามเพื่อนเที่ยว คอยเคี่ยว ยามเพื่อนเล่น
คอยเย็น ยามเพื่อนร้อน คอยหอน ยามเพื่อนเห่า
คอยเฝ้า ยามเพื่อนฟุบ คอยอุบ ยามเพื่อนปิด
คอยคิด ยามเพื่อนถาม คอยปราม ยามเพื่อนหลง
คอยปลง ยามเพื่อนแกล้ง คอยแบ่ง ยามเพื่อนหมด
คอยอด ยามเพื่อนทาน คอยคาน ยามเพื่อนล้ม
คอยชม ยามเพื่อนชนะ คอยสละ ยามเพื่อนชอบ



ที่มาของ กลอนเพื่อน : hilight.kapook.com

23.8.53

... รักหนอรัก ...

หากความรักคือความทุกข์
แล้วความสุขคืออะไร
หากความรักคือความเสียใจแล้ว
ทำไมใยใจยังต้องการ

" คนเหมือนกัน ทนทำไม "

จะไปง้อ ทำไม คนไม่รัก
จะไปทัก ทำไม คนไม่สน
จะไปแคร์ ทำไม เราก็คน
มันก็คน เราก็คน ทนทำไม

11.8.53

my mother

Mother is a part of God.
Mother is a part of Love.
Mother is a part of our Strength.
Mother is a part of our Winning.
Mother is a part of who direct us to right path to proceed.
and ..and ..so on..
I Love my Mother very much.....
Don't let ur Mother get away from u....
Happy Mother's Day..

ขอขอบคุณ กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ : poemsforfree.com

ของขวัญวันแม่

9.8.53

วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่....ที่ลูกทุกคนควรอ่าน

Posted by Hoopie 22 July, 2010 This article has 425 views

ตึกเซนต์หลุยมารี แผนกประถม ราวปี พ.ศ. 2539

เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น … มิสค่ะ … ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องนะคะ โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ ทำให้มิสอุไรพร นาคะเสถียร ครูประจำชั้น ป.4 รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะจำได้ว่านัดหมายแค่คุณแม่ท่านเดียวเท่านั้นในวันนี้

เอ… ใครละเนี่ย จะมีเรื่องอะไรรึปล่าวนะ เมื่อมาถึงห้อง ครูสาวแทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน หากแต่รูสึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว

อย่างไรก็ตาม มิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรกเข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัดหมาย โดยเก็บงำความแปลกใจไว้ หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จ จึงได้เชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง

… ภาพแรกที่ได้เห็นชัด ๆ ทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูก เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาบอกว่าอายพื่อนที่แม่ใส่แขนเทียม กลัวโดนเพื่อนล้อ ว่า แม่แขนเดียว แม่เป็นหุ่นยนต์หรอ อะไรนี่นะคะ เลยไม่ได้มา น้ำเสียงคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ

มิสอุไรพร ขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม เมื่อได้ทราบความจริง ครูสาวตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องจัดการเรื่องที่ลูกไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่ หากปล่อยเรื่องนี้ไป… จะเป็นตราบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปภายหน้า ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนที่ล้อเพื่อนด้วย

ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก มิสอุไรพร จึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟัง เรื่องราวที่ว่านั้น ความดังนี้…

วันที่ 21 สิงหาคม 2536 หลังวันแม่ไม่กี่วัน… ครอบครัวหนึ่งเดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล ประกอบด้วย พ่อแม่และลูกชายอีกสามคน พวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคัดดินเล็ก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ โดยมีคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน ส่วนคุณแม่เดินตามหลังกับลูกชายคนเล็ก

ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำซึ่งมีใบพัดเหล็กสูงจากคันดินราว 25 ซม. คุณพ่อและลูกชายคนโตสองคนข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า ไม่มีใครฉุกคิดระวังถึงเหตุร้าย แต่แล้วลุกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก ถ้าเป็นพวกคุณ คุณจะทำอย่างไร …

มิส หยุดเรื่องไว้ เพื่อซักถาม มองหน้านักเรียนทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ หน้าซีด โดยเฉพาะลูกชายของคุณแม่ท่านนั้น

แต่นักเรียนรู้มั้ยว่า คุณแม่ท่านตัดสินใจอย่างไร คุณแม่ไม่ยอมเสียเวลาคิดอะไรเลยท่านรีบดึงตัวลูกเอาไว้ แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดไว้ก่อน…

ใบพัดหมุนแขนของคุณแม่เข้าไป … คนงานที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบปิดเครื่องแต่แรงเฉื่อยยังทำให้ใบพัดหมุนด้วยกำลังแรง … แรงเสียจนกระชากแขนซ้ายคุณแม่ ขาดสะบั้นลง !

คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันทีท้องร่องบริเวณนั้นแดงฉานไปด้วยเลือด … เลือดของแม่ …

ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็กจนกระดูกหัก แต่ไม่ขาด ไม่ขาดเพราะ… เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน .. ไม่ขาด เพราะแม้ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ มือขวาของแม่ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น … ไม่ยอมปล่อย …

คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกน เอะอะโวยวายของคนงาน พร้อม ๆ กับเสียงกรีดร้องของคุณแม่ ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช๊อกแทบสิ้นสติ … คุณพ่อรีบกระโจนพรวดเดียวถึงตัวแม่และลูกน้อย …

แต่… มันสายเกินไปแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ คือ รีบพาทั้งสองส่งโรงพยาบาลทันที ผลการรักษา คุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนที่ขาดไป ส่วนลูกชายคนเล็ก ที่ขาหักต้องพักฟื้นนานราวสามเดือน จึงสามารถเดินได้ เป็นปกติ

มิสอุไรพร กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง แล้วถามว่า นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญไหมคะ เด็ก ๆ พากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า หลาย ๆ คนยังหน้าซีดเซียว เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ตามที่ครูเล่า

มิส มองหน้าลูกชายของคุณแม่แล้วบอกว่า … นักเรียนทราบไหมว่าคุณแม่ท่านนั้นเป็นคุณแนคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง ไหน ใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนั้น ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ… เด็กคนนั้นยืนขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อน ๆ ทั้งห้อง “วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้าน มิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่า พวกเราชื่นชมและยกย่องท่านมาก ๆ”

มิสได้ทราบว่ามีหลาย ๆ คนไปล้อเลียนเพื่อน ไหนคนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา ถ้ามี เราลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ

มีนักเรียน 3-4 คน ยืนขึ้น ใบหน้าของแต่ละคนรู้สึกสำนึกผิด แล้วมิสก็ถามว่า ดีมากนักเรียน ตอนนี้คุณคงมีอะไรอยากจะพูดกับเพื่อนใช่มั๊ยคะ

เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอ แล้วกล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ ครูสาวน้ำตาคลอเบ้า ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มใจ

ใครเล่า … จะเข้าใจความเจ็บช้ำ ขมขื่นในหัวใจเล็ก ๆ ของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กไม่ทันคิด

หากบัดนี้ … ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อน ๆ ได้สลายปมด้อยในใจของเขาไปจนสิ้น เหลือเพียงความรักและความภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น

เมื่อหมดชั่วโมงเรียน มิสได้เรียกลูกชายคุณแม่ เข้าไปคุยอีกครั้ง “วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่ม้ยคะ” เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นว่า ….

“ผม… ผม จะไปขอโทษคุณแม่ แล้ว… บอกคุณแม่ว่า ผมรักคุณแม่มากที่สุดในโลกเลยครับ”

MV เพลง กราบดิน Clash

คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2553

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2553 ความว่า

" แผ่นดินนี้แม่ของลูกใช้ปลูกข้าว กี่แสนก้าวที่เดินซ้ำย่ำหว่านไถ บำรุงดินจนอุดมสมดังใจ หวังนาไทยเป็นของไทยไปนิรันดร์ "

” แม่ของแผ่นดิน ”

หลอมใจไทยทั้งชาติ เพื่อประกาศบารมี
เทิดองค์วงศ์จักรี มหาราชินี ศรีราชัน
พระแม่ของแผ่นดิน เคียงภูมินทร์พระปิ่นขวัญ
ปกไทยไม่เว้นวัน นับอนันต์สร้างสรรค์ไทย
เกื้อผลชนมีงาน ทุกโครงการประสานใจ
สืบศาสตร์ศิลป์สดใส สร้างรายได้ให้ปวงชน
โครงการป่ารักน้ำ ดินชุ่มฉ่ำล้ำเลิศผล
เอื้อสุขไทยทุกคน ผลเมตตาพระบารมี
เจ็ดสิบเจ็ดพรรษาแพร้ว ร่มโพธิ์แก้วแพรวราศี
เชิญพรไตรภพทวี ถวายพระองค์ทรงพระเจริญ

” วันนี้คุณบอกรักแม่รึยัง ??? ”

เริ่มตั้งใข่ใจพองประคองลูก

ความพันผูกแนบแน่นสุดขานไข

เริ่มหัดเดินหัดพูดแม่สุขใจ

ก้าวแรกได้ให้ลูกด้วยผูกพัน

แม่เป็นครูคนแรกของชีวิต

ชี้ถูกผิดให้ลูกเลือกดั่งใจฝัน

ยามเจ้าโตรวยจนไม่สำคัญ

ขอลูกฉันเป็นคนดีของสังคม

” กราบเท้าแม่ ”

พระคุณแม่ แท้จริง สุดยิ่งใหญ่
จะหาไหน มาเทียบ เปรียบแม่ได้
แม่รักลูก ฟูมฟัก จากดวงใจ
รักจากใคร ก็มิแม้น มาแทนทัน

บรรจงกราบ แทบเท้า ของคุณแม่
ปิติแผ่ ซาบึ้ง จึงเอ่ยขาน
บทกวี ร้อยกรอง ด้วยกลอนกานท์
ก้มกราบกราน แม่เรา ทุกเช้าเย็น

ลูกทุกข์...แม่ทุกข์กว่า ลูกเจ็บ...แม่เจ็บกว่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Forward Mail
เรื่อง : ฐิตินาถ ณ พัทลุง
ภาพประกอบโดย Kapook.com


หลายปีมาแล้ว เช้าวันธรรมดาวันหนึ่ง ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่เช้ามืด สองแม่ลูกจูงมือกัน เพื่อแม่จะไปส่งลูกน้อยขึ้นเรือไปโรงเรียน ที่โป๊ะเทียบเรือท่าน้ำศิริราช คนเบียดเสียดกันแน่น แม่กับลูกน้อยเบียดคนลงไปในโป๊ะ เพราะดีกว่าเปียกฝนที่เริ่มลงเม็ดหนาตา พอเห็นเรือที่ขาดช่วงไปนานกำลังจะเข้าเทียบท่า คนก็ยิ่งลงมาบนโป๊ะ หลายคนตะโกนบอกให้คนถอยกลับไป เพราะโป๊ะจะรับน้ำหนักไม่ไหว

ก่อนที่ใครจะรู้ตัว โป๊ะใหญ่ทรุดตัวลงไปในแม่น้ำ ท่ามกลางคลื่นลมแรง ทุกคนตะเกียกตะกายว่ายน้ำหนีมาขึ้นฝั่ง แม่ของเด็กน้อยถูกลากขึ้นมา เธอร้องตะโกน "ช่วยลูกฉันด้วย ช่วยลูกฉันด้วย ลูกฉันว่ายน้ำไม่เป็น" ฝนตกหนัก คลื่นลมแรง ทุกคนพยายามเอาชีวิตรอด ไม่มีใครทันสังเกตเห็นหัวเล็กๆ ที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่กลางแม่น้ำ

ก่อนที่ใครจะทันรู้ตัว แม่คนนั้นกระโดดลงไปในแม่น้ำ ตะเกียกตะกายไปคว้าลูกน้อยไว้ ก่อนที่คลื่นจะซัดสองแม่ลูกไกลออกไปจากฝั่ง เธอว่ายน้ำไม่เป็น ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือ แม่กอดลูกแนบไว้กับอก ก่อนจะค่อยๆ จมหายไป แม่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่เธอก็เอาชีวิตโอบอุ้มลูกรักไว้ จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ในชีวิตคนคนหนึ่ง จะมีใครสักกี่คน ที่ยอมแลกชีวิตเขาเพื่อเราได้
แม่ของเราอาจจะไม่ได้กระโดดน้ำลงไปช่วยเรา แต่ทุกครั้งที่เราจมลงไปทะเลทุกข์ แม่กระโดดลงไปอุ้มเราแนบไว้กับหัวใจแม่ตลอดเวลา
ลูกทุกข์...แม่ทุกข์กว่า ลูกเจ็บ...แม่เจ็บกว่า
เบื้องหลังความสำเร็จ การฝ่าฟันจนพ้นวิกฤติของคนมากมาย มีมือเล็กๆ ของแม่อยู่เบื้องหลัง

21.6.53

108 เคล็ดลับเก่งอินเตอร์เน็ต

การใช้อินเตอร์เน็ตจร้า

10 เทคนิคการใช้ Internet Explorer
คีย์ลัดในการใช้งาน Internet Explorer


พอดีว่าได้ไปเจอบทความหนึ่งน่าสนใจ เพื่อให้การใช้งาน Internet Explorer ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองนำไปใช้ดูนะคะ ได้ผลอย่างไรลองมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

1. การแสดงพื้นที่บน internet Explorer ให้มากที่สุด
ให้ กด keyboard F11 เพื่อขยายเต็มหน้าจอ กดอีกครั้งจะเป็นการกลับสู่สภาพเดิม

2. ค้นหาข้อมูลใน web ที่กำลังใช้งาน
เราสามารถ search ข้อมูลใน web ที่กำลังเข้าไปดูอยู่ได้ โดยการกด keyboard Ctrl+F

3. ปุ่มใดแทนคำสั่ง back ได้
ปุ่ม Backspace ใน keyboard สามารถใช้ทดแทนคำสั่ง back เวลาเราใช้งาน Internet Explorer ได้

4. ปิด window ให้เร็วดังใจ
ใช้ปุ่ม Ctrl+W ใน keyboard เพื่อปิด window ที่กำลังใช้งานอยู่ได้

5. ดู address bar ว่าเราเข้าเว็บไหนมาบ้าง
address bar คือตำแหน่งที่ใช้ในการพิมพ์ url ของ web site ต่าง ๆ เราสามารถดูได้ว่าเคยพิมพ์อะไรไปบ้าง โดยการกดปุ่ม keyboard F4 โปรแกรมจะแสดงรายละเอียดให้ทราบ

6. save URL ให้เร็วที่สุด
คุณ สามารถกดปุ่ม keyboard Ctrl+D เพื่อ save ที่อยู่ใน web site ที่คุณดูอยู่ในปัจจุบันได้

7. ส่ง web ถูกใจไปให้เพื่อน
คุณ ทราบหรือไม่ว่า web page ต่าง ๆ ที่เราแวะเข้าไป สามารถส่งไปให้เพื่อนดูได้ เพียงแค่เลือกเมนู File เลือก Send และเลือกหัวข้อ Page by Email แค่นี้เพื่อนคุณก็จะได้รับ web ที่มีหน้าตาเหมือนกับที่คุณกำลังดูอยู่

8. เลื่อนดูหน้า web อย่างรวดเร็ว
ปกติเวลาจะดูรายละเอียด ของ web page แต่ละหน้า จำเป็นต้องใช้เม้าส์คลิกลาก ขึ้น-ลง ด้านบนสุด หรือล่างสุด ทำให้ไม่สะดวกนักสำหรับผู้ไม่ถนัดในการใช้เมาส์ ลองกดปุ่ม keyboard ที่ชื่อว่า Home หรือ End ดู คงช่วยอะไรคุณได้บ้าง

9. อยาก save ภาพเป็น wallpaper
บางครั้งเราแวะไปเยี่ยมชม web site บางแห่ง แล้วถูกใจในรูปภาพนั้น ๆ และอยากจะนำกลับมาเป็น wallpaper สำหรับโปรแกรม Internet Explorer มีตัวช่วยให้คุณ เพียงแค่กด คลิกขวาที่บริเวณภาพ จากนั้นเลือกคำสั่ง Set as wallpaper

10. เลื่อนขึ้น-ลง ทีละนิด
web page บางหน้าอาจมีความยาวมาก การจะเลื่อนหน้าทีละนิดเพื่ออ่านข้อมูล ถ้าจะใช้เมาส์ บางทีอาจไม่สะดวกนัก ลองใช้ keyboard ปุ่มที่ชื่อว่า Page Up หรือ Page Down หรือว่า แค่เคาะ Spacebar ก็สามารถเลื่อนลงมากดูรายละเอียดของ web นั้นได้สะดวก น่าจะดีกว่าเยอะเลย